6 สายพันธุ์ปลาทอง ที่นิยมเลี้ยงในไทย (bactocel 5001)
หนึ่งในปลารูปแบบสวยงาม ที่คนไทยนิยมเลี้ยงกันมากที่สุดอีกชนิดหนึ่ง นั่นก็คือปลาทอง ซึ่งปลาชนิดนี้ ถูกแบ่งออกเป็นหลายสายพันธุ์ด้วยกัน รวมถึงวุ้นและสีสันก็ต่างกันด้วย เวลาที่ปลาอยู่ในตู้ มองดูแล้วสวยงามสบายตา มีชีวิตชีวา ช่วยทำให้ผู้เลี้ยงผ่อนคลาย ไปติดตามกันเลยดีกว่าครับ ว่ามีปลาทองแบบไหนบ้าง ที่นิยมเลี้ยงกันตามบ้าน
1.Comet
ปลาทองโคเมท จากประวัติที่อ้างอิง ถือได้ว่าปลาทองสายพันธุ์นี้ เป็นพี่ใหญ่และเป็นต้นกำเนิด ของสายพันธุ์ทั้งหมด รูปแบบลักษณะภายนอก มองดูแล้วคล้ายกับปลาคาร์ฟ เพียงแต่ส่วนห่างนั้นจะยาวกว่า ปลาบางตัวอาจจะมีสีแดงทั้งหมด หรืออาจจะมีสีแดงขาวสลับกับทอง เลี้ยงดูง่ายและมีความแข็งแรง
2. Ranchu
ปลาทองหัวสิงห์ญี่ปุ่น หนึ่งในปลาทองที่สวยงามมาก และมีการนำมาแข่งขันประกวดกันบ่อยครั้ง แหล่งกำเนิดดั้งเดิมคือประเทศญี่ปุ่น บริเวณช่วงลำตัวค่อนข้างสั้น สันหลังโค้งแบบครึ่งวงกลม มีวุ้นอยู่หลายส่วน โดยเฉพาะบริเวณแก้มและหัวรวมถึงริมฝีปาก สีส้มผสมทองสวยงาม คนนิยมเลี้ยงกันมาก
3. Siamese Lionhead
ปลาทองหัวสิงห์สยาม ถ้าดูจากสีสัน อาจจะเข้าใจผิดคิดว่าไม่ใช่ปลาทอง ด้วยความที่ทั่วทั้งตัวของปลา จะมีสีดำและสีเทา ที่เข้มเต็มสนิททุกตัว ไม่ว่าจะเป็นเหงือกหรือวุ้น เป็นปลาสายพันธุ์ไทย แต่ส่วนหัวขายกับปลาสิงห์ญี่ปุ่น ขนาดตัวอ้วนกลมน่ารัก ดูแลง่ายและมีคนนิยมเลี้ยงสูง
4.Dutch Lionhead
ปลาทองออรันดาหัววุ้น เรียกกันว่าเป็นปลาลูกครึ่ง มีสายพันธุ์แหล่งกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีอีกชื่อเรียกหนึ่งว่า ออรันดาชิชิกาชิระ คนญี่ปุ่นเรียกกันแบบนั้น เปลี่ยนสายพันธุ์ยอดนิยมยอดฮิต มีความโดดเด่นเครื่องวุ้น บริเวณส่วนหัวที่มีลักษณะเป็นก้อนกลมเหมือนกับใส่หมวก
5.Black Telescope Eyes Goldfish
ปลาทองเล่ห์ จัดเป็นประเภทปลาที่มีตาโปน สำหรับผู้ที่นิยมเลี้ยงในประเทศญี่ปุ่น จะเรียกกันอีกชื่อหนึ่งว่า คุโร เดเมะคิน ความสวยงาม และความโดดเด่นของปลาชนิดนี้ คือสีที่ดำสนิทแทบจะทั้งตัว บางครั้งอาจจะพบเห็นช่วงท้อง ที่มีสีทองปะปนบ้าง แถมยังมีสายพันธุ์ย่อยอีกหลายแบบ เช่น เล่ห์กระโปรง เล่ห์ตุ๊กตา เล่ห์ควาย เป็นต้น
6.Bubble Eyes Goldfish
ปลาทองตาลูกโป่ง มีฐานถิ่นเกิดมาจากประเทศจีน ได้รับความนิยมเลี้ยงในประเทศญี่ปุ่นมาก แถมยังมีชื่อที่คนญี่ปุ่นเรียกกันว่า ซุอีโฮกัน ซึ่งเป็นชื่อเล่นที่เรียกกัน สีสันส่วนใหญ่จะเป็นสีแดงยืนพื้น มีสีขาวสอดแทรกบ้าง แต่บริเวณหัวจะไม่มีวุ้น และไม่มีครีบหลัง บริเวณเบ้าดวงตาจะมีถุงน้ำแบบโปร่งแสง รวมทั้งใต้ตาด้วย ตอนว่ายน้ำจะแกว่งไปมา เหมือนกับลูกโป่ง
แต่ละสายพันธุ์ของปลาทอง มีเอกลักษณ์ และความโดดเด่นสวยงามต่างกัน เป็นปลาที่เลี้ยงเอาไว้ดูเล่น ช่วยทำให้คลายเครียดได้ดี โดยเฉพาะเวลาที่เห็นปลาว่ายอยู่ในตู้ หวังว่าบทความทั้งหมดคงจะถูกใจ คนที่รักและชอบเลี้ยงปลาทองนะครับ

Bactocel 5001 ผลิตภัณฑ์ชีวภาพกำจัดของเสียและรักษาสภาพน้ำในบ่อปลา
แบคโตเซล 5001 คือ กลุ่มของแบคทีเรียที่มีประโยชน์ ช่วยย่อยทำลายเศษอาหารสารแขวนลอย ทั้งที่ละลายน้ำ และไม่ละลายน้ำให้สลายตัวหมดไป ตู้ปลาจะสะอาดไม่มีตะไคร่น้ำจับ สำหรับบ่อปลาจะไม่มีเน่าที่ก้นบ่อ นอกจากนั้นยังสามารถใช้ได้กับสัตว์น้ำอื่นๆ เช่น กบ,ตะพาบน้ำ, กุ้งก้ามกราม,กุ้งกุลาดำ และจระเข้ เป็นต้น
คุณสมบัติ
1. ลดการเปลี่ยนถ่ายน้ำ
2. รักษาความสดใสของน้ำในตู้ปลา
3. กำจัดแอมโมเนียและไนไตร์
4. ป้องกันโรคที่เกิดกับปลา
5. ปลอดภัยกับคนและสัตว์เลี้ยงทุกชนิด
วิธีการใช้
วิธีการใช้งานสำหรับบ่อปลาขนาดเล็ก (ตู้ปลา/ อ่างปลา)
ใช้ Bactocel 5001 ในอัตรา 10 CC+ 400 ML
หากน้ำกำลังเสีย ให้ใส่ติดต่อกันทุกวัน จนกว่าน้ำจะใสสะอาด
บ่อขนาดกลาง 1 – 4 ไร่
ใช้ Bactocel 5001 ในอัตรา 200 -300 cc
- บ่อปลาคราฟ ไม่เกิน 7 เมตร โดยประมาณ โดยใส่ทุกๆ 7 วัน
- บ่อปลาทั่วไป (บ่อดิน) ใช้ 300 CC เทลงบ่อไม่เกิน 1 ไร่
*ขึ้นอยู่กับสภาพน้ำและปริมาณปลา
บ่อขนาดใหญ่ 5- 20 ไร่
ใช้ Bactocel 5001 อัตรา 350-500 Ccต่อบ่อ 1 ไร่ โดยใส่ทุก ๆ 10 วัน
(ถ้าน้ำเสียมากๆหรือต้องการเร่งด่วน ใส่ 5 วันครั้ง)
- อัตรา 500-1000 Cc ต่อบ่อ 1ไร่ขึ้นไป
(ถ้าน้ำเสียมากๆหรือต้องการเร่งด่วน ใส่ 4 วันครั้ง)
** หากบ่อมีขนาดกว้างมากและน้ำเน่าเสียหนัก เช่นสระวัด บ่อน้ำขนาดใหญ่ ต้องใช้ปริมาณ 12 ขวด
ขึ้นไปจึงจะเห็นผลที่ชัดเจนขึ้นภายใน 30 วัน
คำเตือน ไม่ควรใช้กับยาฆ่าเชื้อยา)ฏิชีวนะ และสารเคมีทุกชนิดหากจำเป็นต้องใช้ยาและสารเคมีดังกล่าว ควรใช้ แบคโตเซล 5001 หลังจากใช้ยาและสารเคมี 3-5 วัน
ขนาดบรรจุ ; 300cc/1000cc/5000cc