4 สายพันธุ์ไข่ไก่ ไข่ดก แข็งแรง

4 สายพันธุ์ไข่ไก่ ไข่ดก แข็งแรง

            ไก่ไข่ เป็นคำที่ใช่เรียกตัวเมียที่อยู่ในช่วงเจริญเติบโต แล้วจะถูกเก็บไว้ไก่สำหรับวางไข่โดยเฉพาะ บางคนจะขายเนื้อไก่ก็ต่อเมื่อไก่เลิกผลิตไข่แล้ว การเลี้ยงไก่ไข่เป็นกระบวนการที่แตกต่างจากการเลี้ยงไก่เนื้อ ไก่ไข่ส่วนใหญ่จะมีอายุห้าถึงเจ็ดปี โดยออกไข่เกือบทุกวันเป็นเวลาประมาณสามปี ถ้าหักลบต้นทุนแล้วก็คุมอย่างมาก จะเลี้ยงไว้สำหรับแค่พอคนในครอบครัว หรือเลี้ยงเป็นฟาร์มเกษตรก็ได้ทั้งนั้น

         สำหรับคนที่อยากเลี้ยงไก่ไข่ ขอแนะนำว่าให้เลี้ยงแบบในเล้าจะดีที่สุด ใครคิดที่จะเลี้ยงแบบปล่อยก็ขอให้หยุดความคิดไว้ก่อน เพราะมีหวังเดินตามหาไข่เป็นว่าเล่น อาจจะเป็นโซนพื้นที่เปิดโล่ง ตอนเย็นก็ตอนไก่เข้าเล้า พอตอนเช้าหลังจากที่วางไข่เสร็จแล้ว ก็ปล่อยออกมาเดินเล่นได้ ปกติเวลาซื้อไก่ไข่มาเลี้ยงจะซื้อเป็นตัวที่พร้อมวางไข่เลย ถึงจะราคาที่แพง แลกกับการดูแลที่ง่ายกว่า การซื้อลูกไก่มา แถมยังต้องมาลุ้นว่าจะเป็นโรคอะไร หรือตายก่อนวางไข่หรือไม่

            เล้าไก่ไข่ต้องทำความสะอาดกล่องรังทุกเดือน ห้ามขาด ยิ่งบ่อยยิ่งดี จะต้องทำความสะอาดและฆ่าเชื้ออย่างทั่วถึงปีละครั้งหรือสองครั้ง นำทุกอย่างออกแล้วล้างออกด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ เพื่อป้องกันไก่ติดเชื้อให้ได้มากที่สุด

4 สายพันธุ์ไข่ไก่ ไข่ดก แข็งแรง

1.ไก่ไข่พันธุ์ “โร๊ดไอส์แลนด์แดง” หรือ “ไก่โร๊ด”

ไก่พันธุ์โร้ดไฮส์แลนด์แดง มี 2 ชนิดคือ ชนิดหงอนกุกหลาบและหงอนจักร แต่นิยมเลี้ยงชนิดหงอนจักรมากกว่า ตัวไก่เองขึ้นชื่อเรื่องของสายพันธุ์ไก่ไข่ ที่สืบสานกันมานานกว่า 100 ปี และในปัจจุบันใครที่อยากจะเปิดฟาร์มไก่ ก็ต้องนึกถึงสายพันธุ์นี้ ผู้ผสมขึ้นมาจากพันธุ์มาเลซแดง ไก่เซี่ยงไซ่แดง ไก่เล็กฮอร์นสีน้ำตาล ไก่ไวยันดอทท์ และไก่บราห์มาส์

จุดเด่นของไก่พันธุ์ โร๊ดไอส์แลนด์แดง

  • เชื่อง แข็งแรง
  • สามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้ดี
  • เริ่มให้ไข่เมื่ออายุ 5 เดือนครึ่ง – 6 เดือน ให้ไข่ปีละประมาณ 280-300 ฟอง
  • น้ำหนักโตเต็มที่ เพศผู้หนัก 3.1-4.0 กก. เพศเมียหนัก 2.2-4.0 กก
  1. ไก่ไข่พันธุ์ “บารพลีมัธร็อค” หรือ “ไก่บาร์”

ใครที่กำลังมองหาไก่ไข่ที่ขายเนื้อได้ต้องพันธุ์นี้เลย รูปร่างลักษณะตัวค่อนข้างใหญ่ สีสันของขนเองก็เด่นอย่างมาก เรียกว่า ถ้าหายหรือหลุดไปแถวไหนก็รู้ได้ทันทีเลยว่าเป็นไก่ของฟาร์มเรา ด้วยสีขนที่เป็นลายขาว-ดำสลับตัดกันไปทั้งตัว เลยทำให้ ค่อนข้างเด่นเป็นพิเศษ ไข่ที่ได้ออกมาเป็นเปลือกสีน้ำตาล หลังหมดวัยออกไข่ ก็สามารถขายเนื้อได้ในราคาที่สูงกว่าไก่ไข่ปกติ

จุดเด่นของไก่พันธุ์ บาร์พลีมัธร็อค

  • ขนสีบาร์ คือมีสีดำสลับกับขาวตามขวางของขน
  • หงอนจักร
  • ให้ไข่เปลือกสีน้ำตาล
  • เริ่มให้ไข่เมื่ออายุประมาณ 5 เดือนครึ่ง – 6 เดือน ให้ไข่ปีละประมาณ 260-300 ฟอง

3.ไก่ไข่พันธุ์ “เล็กฮอร์นขาว”

ไก่พันธุ์ไข่ของแท้ ตัวเล็กน่ารักสามารถปรับตัวได้กับพื้นที่ได้ค่อนข้างดี จึงได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย หลังจากที่ผ่านทศวรรษการเป็นไก่ไข่พันธุ์แท้มาค่อนข้างนาน ปัจจุบันมีการเปลี่ยนข้ามสายพันธุ์เพื่อให้ได้ตัวลูกไก่ที่คุณภาพที่ดีขึ้น แข็งแรงให้ไข่เร็วและอายุในการให้ไข่นานขึ้น ซึ่งปกติแล้วจะมีการแบ่งผสมแบบข้ามสายพันธุ์ออกมาตั้งแต่สองสายขึ้นไป ซึ่งก็แล้วแต่ทางฟาร์มไก่อีกที ว่ามีการพัฒนาไปถึงตรงไนแล้ว

จุดเด่นของไก่พันธุ์ “เล็กฮอร์นขาว”

  • มีขนาดเล็ก ขนสีขาว
  • ให้ไข่เร็ว ไข่ดก ไข่เปลือกสีขาว
  • มีประสิทธิภาพในการเปลี่ยนอาหารค่อนข้างสูง เพราะมีขนาดเล็ก ทนร้อนได้ดี
  • เริ่มให้ไข่เมื่ออายุ 4 เดือนครึ่ง – 5 เดือน ให้ไข่ปีละประมาณ 300 ฟอง
  • น้ำหนักโตเต็มที่ เพศผู้ 2.2-2.9 กก. เพศเมีย 1.8-2.2 กก.

4.ไก่ไข่พันธุ์ ลูกผสม “ไฮบรีด”

ข้อดีของไก่พันธุ์ผสมมีค่อนข้างมากกว่าไก่พันธุ์ เนื่องจากส่วนใหญ่ผสมขึ้นมาเพื่อปกปิดยีนส์ด้อยของไก่ไข่พันธุ์แท้ ฟาร์มไก่ไข่ในบ้านเราเองก็เริ่มที่จะทยอยเปลี่ยนชุดนำไก่พันธุ์ผสมเข้ามาในฟาร์มกันอย่างต่อเนื่อง ส่วนมากจะเน้นมาแบบเป็นชุดไม่เยอะมาก เพราะว่ากลัวว่าจะมีการติดเชื้อ จะมีการจัดโซนแบ่งแยกไก่ใหม่กับเก่า ออกมาอย่างชัดเจน เพื่อทำการคัดตัวก่อนเข้าฟาร์มไก่ แต่ส่วนมากยีนส์ไก่ลูกผสมจะมีข้อดีตรงที่ว่ามีความทนทานต่อเชื้อโรคค่อนข้างสูง ซึ่งตัวพันธุ์แท้หาได้ยาก

จุดเด่นของไก่พันธุ์ ลูกผสม “ไฮบรีด”

  • ความทนทานต่อเชื้อโรคสูง
  • เริ่มให้ไข่เมื่ออายุ 4 เดือนครึ่ง – 5 เดือน ให้ไข่ปีละประมาณ 300 ฟอง
  • เนื้อดี โตเร็ว ให้ไข่ดี

ส่วนใหญ่แล้วตัวไก่ ไฮบรีด มีการผสมพันธุ์ที่ดำเนินการโดยบริษัทผลิตพันธุ์ไก่เป็นการค้า ซึ่งเป็นความลับเพื่อผลประโยชน์ในทางการค้า เราแทบจะไม่รู้เลยว่าผสมข้ามสายมาจากพันธุ์ไหนบ้าง แต่ก็ได้เสียงตอบรับค่อนข้างดี ที่นิยมเลี้ยงกันในประเทศไทย ได้แก่ดีคาร์บ, ซุปเปอร์ฮาร์โก้, เอ-เอบราวน์, เซพเวอร์สตาร์คร็อส, เมโทรบราวน์ เป็นต้น

Bactocel 4001  ผลิตภัณฑ์ชีวภาพกำจัดกลิ่นเหม็นและของเสียในคอกสัตว์


แบคโตเซล 4001 คือ กลุ่มของแบคทีเรียที่มีประโยชน์ สามารถช่วยย่อยสลายสิ่งปฏิกูลและเศษอาหารที่เหลือตกค้างในคอกสัตว์ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดกลิ่นเหม็นช่วยป้องกันโรคต่างๆ ที่เกิดกับสัตว์เลี้ยง ตลอดจนปัญหาแมลงวันรบกวนจะหมดไปรวมถึงช่วยแก้ปัญหาเกี่ยวกับมลภาวะต่างๆ ที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญภานในฟาร์ม และชุมชนให้หมดไป

คุณสมบัติ
1.      ย่อยสลายสิ่งปฏิกูลและเศษอาหารที่เหลือตกค้างในคอกสัตว์ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดกลิ่นเหม็นช่วยป้องกันโรคต่าง ๆเกิดกับสัตว์เลี้ยง

วิธีการใช้
1. คอกหมู : ใช้ แบคโตเซล 4001 ในอัตรา 100 ซีซี ผสมน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นให้ทั่วพื้นที่คอก สัปดาห์ละครั้ง ทำให้คอกสัตว์สะอาด ปราศจากกลิ่นเหม็นและแมลงวัน อีกทั้งสามารถป้องกันโรคต่างๆได้ หากหมูเป็นโรคปากเท้าเปื่อย ให้ใช้ แบคโตเซล 4001 ผสมน้ำฉีดพ่นให้ทั่วตัว และบริเวณกีบเท้า อาการจะค่อยๆ ทุเลาลง
2. คอกวัว : ใช้แบคโตเซล 4001 ในอัตราเดียวกันฉีดพ่นให้ทั่วพื้นที่คอกกลิ่นเหม็นและแมลงวันจะลดลงและหมดไปในที่สุด อีกทั้งช่วยป้องกันโรคกีบเท้าเปื่อยในวัวเนื้อและวัวนมอีกด้วย
3. ฟาร์มไก่ : ใช้แบคโตเซล 4001 ในอัตราเดียวกัน ฉีดพ่นให้ทั่วพื้นที่บริเวณใต้เล้าไก่และที่รองรับมูลไก่ สำหรับไก่ไข่ จะสามารถกำจัดแก๊สไข่เน่า แก๊สแอมโมเนีย ซึ่งเป็นสาเหตที่ทำให้ไก่เป็นโรคตาอักเสบและโรคระบบทางเดินหายใจ ซึ่งทำให้ไก่ไข่น้อยลง เปลือกไข่บางมีเปอร์เซ็นต์ไข่ร้าวและแตกสูง

ขนาดบรรจุ ; 300cc/1000cc/5000cc

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *