พันธุ์สุกรที่นิยมเลี้ยงกันในประเทศไทย
หมูเป็นสัตว์เลี้ยงที่รู้จักกันดีมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า สุกร การเลี้ยงหมูมีมาเป็นเวลานานหลายพันปี ประเทศจีนเป็นชาติแรกที่เริ่มเลี้ยงหมูต่อมาได้แก่ ประเทศอังกฤษ ในปัจจุบันการเลี้ยงหมูมีแพร่หลายทั่วโลก หลายประเทศในแถบเอเซีย ยุโรป และอเมริกา ได้ปรับปรุงการเลี้ยงหมูจนได้ผลดีสามารถนำผลิตผลจากหมูมาเป็นสินค้าส่งออก ไส้กรอก แฮม เบคอน และอาหารกระป๋องอื่น ๆ ที่ทำจากเนื้อหมูเป็นที่นิยมรับประทานกันทั่วไป เนื้อหมูอุดมด้วยโปรตีนและไขมันมีประโยชน์ต่อร่างกายมากใช้ประกอบอาหารได้หลายชนิดเราควรทำให้สุกด้วยการลวก ต้ม หรือทอดก็ได้เพื่อป้องกันพยาธิที่อาจมีอยู่ในเนื้อหมูดิบ
1.พันธุ์ลาร์จไวท์
มีถิ่นกำเนิดในประเทศอังกฤษ นำเข้ามาในประเทศไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2482 มีสีขาว หูตั้งลำตัวยาว กระดูกใหญ่ โครงใหญ่ หน้าสั้น หัวใหญ่ โตเต็มที่น้ำหนัก 200 ถึง 250 กิโลกรัมให้ลูกดกเฉลี่ย 9-10 ตัว เลี้ยงลูกเก่งหย่านมเฉลี่ย 8-9 ตัว มีความแข็งแรงเจริญเติบโต คุณภาพซากดีพันธุ์ลาร์จไวท์ไว้เหมาะที่ใช้เป็นทั้งสายพันธุ์พ่อและแม่พันธุ์
2.พันธุ์แลนด์เรซ
มีถิ่นกำเนิดจากประเทศเดนมาร์กนำเข้ามาในประเทศไทยปีพ.ศ. 2506 มีสีขาว หูปรก ลำตัวยาว มีซี่โครงมากถึง 16-17 คู่ (สุกรปกติมีกระดูกซี่โครง 15-16 คู่) หน้ายาวโตเต็มที่ 200 ถึง 250 กิโลกรัมให้ลูกดกเฉลี่ย 9 ถึง 10 ตัวเลี้ยงลูกเก่งหย่านมเฉลี่ย 8 ถึง 9 ตัว มีข้อเสียคืออ่อนแอ มักจะมีปัญหาเรื่องขาอ่อน ขาไม่ค่อยแข็งแรง แก้ไขได้โดยต้องเลี้ยงด้วยอาหารที่มีคุณภาพดีพันธุ์แลนด์เรซเหมาะสำหรับใช้เป็นสายแม่พันธุ์
3.พันธุ์ดูร็อคเจอร์ซี่
มีถิ่นกำเนิดจากประเทศอเมริกามีสีแดงหูปกเป็นส่วนใหญ่ลำตัวสั้นกว่าล่าร์จไวท์และแลนด์เรซ ลำตัวหนาหลังโค้งโตเต็มที่ 200 ถึง 250 กิโลกรัม เป็นสุกรที่ให้ลูกไม่ดกเฉลี่ย 8-9 ตัว เลี้ยงลูกไม่เก่ง หย่านมเฉลี่ย 6-7 ตัว ลูกสุกรหลังจากอายุสองเดือนไปแล้ว เจริญเติบโตเร็วมีความแข็งแรงทนทานต่อสภาพดินฟ้าอากาศทุกชนิด นิยมใช้เป็นสายพ่อพันธุ์เพื่อผลิตลูกผสมที่สวยงามแผ่นหลังกว้าง เจริญเติบโตรวดเร็ว
4.พันธุ์เปียแตรง
มีถิ่นกำเนิดจากประเทศเบลเยียมมีสีดำขาวเหลืองลายสลับเป็นสุกรที่มีรูปร่างสวยงามกล้ามเนื้อเป็นมัดมัดแผ่นหลังกว้างเป็นปีกสะโพกเห็นเด่นชัดโตเต็มที่ 150 ถึง 200 กิโลกรัมมีเปอร์เซ็นต์เนื้อแดงสูงมากมีข้อเสียคือตื่นตกใจช็อคตายง่ายและโตช้าที่ปัจจุบันนิยมใช้ผสมข้ามสายพันธุ์ในการผลิตสุกรขุน
5.สุกรพื้นเมือง
เป็นสุกรที่เลี้ยงอยู่ตามหมู่บ้านชนบทพวกชาวเขา ลักษณะโดยทั่วไปจะมีคนสีดำ ท้องยานหลังแอ่น การเจริญเติบโตช้า ให้ลูกดก และเลี้ยงลูกเก่งจะมีชื่อเรียกต่างกันไปตามท้องถิ่นเช่นสุกรพันธุ์ไหหลำ พันธุ์ควาย พันธุ์ราด พันธุ์พวง สุกรป่า เป็นต้น

Bactocel 4001 ผลิตภัณฑ์ชีวภาพกำจัดกลิ่นเหม็นและของเสียในคอกสัตว์
แบคโตเซล 4001 คือ กลุ่มของแบคทีเรียที่มีประโยชน์ สามารถช่วยย่อยสลายสิ่งปฏิกูลและเศษอาหารที่เหลือตกค้างในคอกสัตว์ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดกลิ่นเหม็นช่วยป้องกันโรคต่างๆ ที่เกิดกับสัตว์เลี้ยง ตลอดจนปัญหาแมลงวันรบกวนจะหมดไปรวมถึงช่วยแก้ปัญหาเกี่ยวกับมลภาวะต่างๆ ที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญภานในฟาร์ม และชุมชนให้หมดไป
คุณสมบัติ
1.ย่อยสลายสิ่งปฏิกูลและเศษอาหารที่เหลือตกค้างในคอกสัตว์ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดกลิ่นเหม็นช่วยป้องกันโรคต่าง ๆเกิดกับสัตว์เลี้ยง
วิธีการใช้
1. คอกหมู : ใช้ แบคโตเซล 4001 ในอัตรา 100 ซีซี ผสมน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นให้ทั่วพื้นที่คอก สัปดาห์ละครั้ง ทำให้คอกสัตว์สะอาด ปราศจากกลิ่นเหม็นและแมลงวัน อีกทั้งสามารถป้องกันโรคต่างๆได้ หากหมูเป็นโรคปากเท้าเปื่อย ให้ใช้ แบคโตเซล 4001 ผสมน้ำฉีดพ่นให้ทั่วตัว และบริเวณกีบเท้า อาการจะค่อยๆ ทุเลาลง
2. คอกวัว : ใช้แบคโตเซล 4001 ในอัตราเดียวกันฉีดพ่นให้ทั่วพื้นที่คอกกลิ่นเหม็นและแมลงวันจะลดลงและหมดไปในที่สุด อีกทั้งช่วยป้องกันโรคกีบเท้าเปื่อยในวัวเนื้อและวัวนมอีกด้วย
3. ฟาร์มไก่ : ใช้แบคโตเซล 4001 ในอัตราเดียวกัน ฉีดพ่นให้ทั่วพื้นที่บริเวณใต้เล้าไก่และที่รองรับมูลไก่ สำหรับไก่ไข่ จะสามารถกำจัดแก๊สไข่เน่า แก๊สแอมโมเนีย ซึ่งเป็นสาเหตที่ทำให้ไก่เป็นโรคตาอักเสบและโรคระบบทางเดินหายใจ ซึ่งทำให้ไก่ไข่น้อยลง เปลือกไข่บางมีเปอร์เซ็นต์ไข่ร้าวและแตกสูง
ขนาดบรรจุ ; 300cc/1000cc/5000cc