ต้นไม้มงคลตามราศี เสริมโชคลาภ ดวงชะตา

ต้นไม้มงคลตามราศี เสริมโชคลาภ ดวงชะตา

รวม ต้นไม้มงคลตามราศี . . ใครอยู่ราศีไหน ดูตามนี้เลย วางไว้ที่บ้านหรือโต๊ะทำงานก็ได้ นอกจากทำให้มีสีเขียวสบายตาแล้ว ยังช่วยให้ชีวิตดีขึ้นอีกด้วย ลองไปหามาปลูกกันเลยจ้า

ราศีมังกร (ผู้ที่เกิดวันที่ 16  ม.ค.-15 ก.พ.)

ต้นมหาเศรษฐี มั่งคั่ง มั่นคง เสริมโชคลาภ กิจการเจริญรุ่งเรือง

มีถิ่นกำเนิดอยู่ในเขตร้อนทั่วๆ ไป หรือบริเวณเส้นศูนย์สูตรของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งแต่อินเดียลงไปจนถึงมาเลเซีย หมู่เกาะในประเทศอินโดนีเซีย ประเทศฟิลิปปินส์ ลาว เวียดนาม และจีนตอนใต้  ไม้พุ่มขนาดเล็ก อายุหลายปี สูงประมาณ 30 เซนติเมตร ใบเดี่ยว ค่อนข้างตั้งตรง ใบล่างเอนออก รูปใบหอกแกมรูปไข่ ปลายเรียวแหลมหรือยาวคล้ายหาง โคนใบรูปตัดหรือคล้ายรูปหัวใจ ขอบใบเรียบหรืออาจมีคลื่นห่างๆ ใบหนาคล้ายแผ่นหนัง เรียบ เกลี้ยง เป็นมัน ยาวประมาณ 23-25 เซนติเมตร กว้างประมาณ 6-7 เซนติเมตร ก้านใบกลมสีเขียวอ่อน ยาว 2-3 เซนติเมตร กว้าง 0.3 เซนติเมตร ลิ้นใบยาว 0.5 เซนติเมตร กว้าง 0.2 เซนติเมตร แผ่กว้างไปตามความยาวของกาบใบ กาบใบยาว 7 เซนติเมตร กว้าง 0.7 เซนติเมตร ห่อหุ้มลำต้น แผ่นใบสีเขียวเข้มสลับสีเขียวปนเทาบริเวณเส้นใบ เส้นกลางใบสีเขียวเข้มกลืนไปกับแผ่นใบ ใต้ใบสีเขียวตลอดทั้งใบ มีจุดสีเขียวปนเทาที่เส้นใบเล็กน้อย เส้นกลางใบด้านหลังสีเขียวปนเทา เส้นกลางใบนูนเด่นชัดบริเวณโคนและค่อยๆเล็กลงจนสุดปลายใบ ออกดอกเป็นช่อแบบช่อเชิงลดมีกาบ ออกบริเวณซอกใบ ดอกสีขาว

ราศีกุมภ์ (ผู้ที่เกิดวันที่ 16 ก.พ. – 15 มี.ค)

ต้นทิลแลนเซีย อดทนอดกลั้น ชีวิตมั่นคง เสริมความแข็งแรง

มีถิ่นกำเนิดในประเทศเม็กซิโก นิยมนำมาเกาะขอนไม้ ต้องการน้ำปานกลาง ชอบแดดปานกลาง-แดดจัด ไม้อิงอาศัย อายุหลายปี สูงประมาณ 8 เซนติเมตร เส้นผ่านศูนย์กลางทรงพุ่มประมาณ 10 เซนติเมตร มีรากอากาศเพื่อยึดเกาะ ลำต้นสั้น ทอดเลื้อยและแตกกิ่งห้อยลง  ใบเดี่ยว เรียงเวียน รูปแถบแบน ปลายแหลม โคนเป็นกาบหุ้มลำต้น ขอบใบเรียบ แผ่นใบหนาแข็ง มีtrichrome ปกคลุมบนใบเป็นสีเทาเงิน เมื่อออกดอกยอดอ่อนจะเปลี่ยนเป็นสีแดง ชมพู หรือม่วง เป็นช่อ ออกจากกึ่งกลางลำต้น ดอกรูปหลอด สีม่วง มักออกดอกช่วงฤดูหนาว

ราศีมีน (ผู้ที่เกิดวันที่ 16 มี.ค. – 15 เม.ย)

ต้นบอนไซ เสริมโชคลาภ นำพาความโชคดี ดูดทรัพย์เข้าบ้าน

บอนไซคือศิลปะในญี่ปุ่นแขนงหนึ่งที่พัฒนาขึ้นให้มีลักษณะเฉพาะไม่เหมือนใคร เป็นการเพาะต้นไม้ลงในกระถางขนาดเล็กแล้วดูแลอย่างทะนุถนอม โดยเน้นย่อส่วนต้นไม้ใหญ่ในป่าธรรมชาติให้มาอยู่ในกระถางต้นไม้(การจำลอง) เพื่อที่จะทำให้เหมือนกับต้นไม้ใหญ่ในป่าจึงมีการดัดกิ่งก้านให้โค้งงอโดยใช้ลวดยึดไว้ให้อยู่กับที่ หรือให้รากไต่กิ่งก้านบนโขดหิน เนื่องจากเป็นศิลปะใช้เทคนิคที่หลากหลายในการปรับเปลี่ยนดัดแปลงให้เหมาะสม การปลูกบอนไซจึงถูกจัดให้เป็นความเพลิดเพลินอย่างหนึ่ง

ลำต้นที่หนุนต้นไม้ไว้เป็นอีกหนึ่งจุดในการดูบอนไซ ลำต้นจากรากจนถึงกิ่งแรกสุดจะเรียกว่า “การตั้งลำต้น” การแผ่ขยายออกจากส่วนนี้ไปสู่ด้านบนจะแสดงออกถึงพลังแบบต้นไม้ใหญ่ การสร้างลำต้นของบอนไซเกิดจากการแตกกิ่งก้านจากลำต้น สิ่งที่บอนไซที่ดีพึงมีคือ ความสมดุลที่ดีของลำต้นขนาดใหญ่กับกิ่งที่แตกขยายออกมา อีกทั้งต้นไม้ที่ใบร่วงหล่นก็จะมองเห็นกิ่งก้านที่แตกสาขาออกไปได้อย่างละเอียด ไม่ใช่แค่ลำต้น แต่ใบไม้ก็มีอิทธิพลต่อบอนไซเป็นอย่างยิ่ง ถึงแม้จะเป็นต้นไม้ชนิดเดียวกัน ต้นไม้ที่มีใบสั้นและความมันเงาจะถือว่าเป็นบอนไซที่ดี เมื่อชื่นชมบอนไซให้ดูการแผ่ขยายของรากก่อน รูปทรงของรากซ้อนทับกันผ่านกาลเวลาและเกาะกับดินจนแน่น แสดงให้เห็นถึงพลังชีวิตอันแรงกล้าของต้นไม้ หากรากแผ่ขยายไปทุกทางจะเรียกว่าเป็น “การขยายรากแบบ 8 ทิศ (Happo)” ซึ่งเป็นรากแบบที่ทุกคนต้องการ

ราศีเมษ (ผู้ที่เกิดวันที่ 16 เม.ย. – 15 พ.ค.)

ต้นลิ้นมังกร เมตตามหานิยม คงกระพันชาตรี ดูดซับสารพิษ

ลิ้นมังกร (Snake Plant) หรือต้นดาบพระอินทร์  เป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยว มีมากกว่า 70 สายพันธุ์ เช่น ลิ้นมังกรขอบเหลืองใบยาว ลิ้นมังกรขอบเหลืองใบสั้น ลิ้นมังกรลายด่าง ลิ้นมังกรใบกลม ลิ้นมังกรใบจุด ลิ้นมังกรครีบปลาวาฬด่าง เป็นต้น ส่วนมากมีต้นกำเนิดทั้งในยุโรป แอฟริกา และเอเชีย

แต่มีลักษณะเด่นที่ใบเรียวยาวคล้ายหอก มีทั้งชนิดใบสั้นและใบยาว ส่วนปลายใบมีทั้งแบบปลายใบแหลมมีหนาม ปลายใบแหลมไม่มีหนาม และปลายใบมน นิยมขยายพันธุ์ด้วยการแยกหน่อและตัดชำใบ

– ฟอกอากาศได้ : ช่วยฟอกอากาศและสามารถกรองสารพิษต่าง ๆ โดยเฉพาะถ้าวางไว้ในห้องนอนจะปล่อยออกซิเจนในเวลากลางคืน ช่วยให้หายใจได้ดีขึ้นขณะนอนหลับ 

– แข็งแรงทนทาน : ทนต่อสภาพแวดล้อมที่แห้งแล้ง สามารถปลูกในพื้นที่ที่แดดแรงจัดได้ หรือปลูกในที่ร่มก็ได้ แต่ต้องได้รับแสงเพียงพอ ไม่ค่อยพบโรคและแมลงรบกวน 

– เลี้ยงง่าย ดูแลง่าย : ปลูกในกระถางแล้วตั้งไว้ในห้องแอร์ก็ได้ หรือปลูกบนดินกลางแจ้งได้ โดยเน้นดินร่วนโปร่ง รดน้ำแค่วันเว้นวัน หรือ 3 วันครั้ง ให้ดินพอชุ่มชื้น อย่าให้ถึงขั้นแฉะ

ราศีพฤษภ (ผู้ที่เกิดวันที่ 16 พ.ค. – 15 มิ.ย.)

ต้นวาสนา มีวาสนา เสริมดวงบารมี นำพาไปเจอสิ่งดีๆ

ไม้พุ่ม สูง 5-10 ม. ลำต้นกลมจะไม่มีกิ่งก้านสาขา แต่จะมี ข้อติดๆ กัน ผิวเปลือกลำต้นเป็นสีน้ำตาล ใบเรียงเวียนสลับถี่ที่ปลายยอด ใบเดี่ยว รูปหอกเรียวยาวโค้ง ลงสู่พื้นดิน กว้าง 6-10 ซม. ยาว 30-120 ซม. โคนใบแผ่เป็นกาบหุ้มลำ ต้น ปลายใบแหลมงองุ้มลง ขอบใบเรียบหรืออาจบิดเป็นลอน ใบอาจมีสีเขียวเข้มหมดทั้งใบ หรือสีขาวอมเขียวหรือลายเหลืองนวลหรือ ลายขาวนวล ตลอดความยาวใบมีความเข้มของลายแตกต่างกัน ตำ แหน่งของลายอาจอยู่กลางใบหรือริมใบ ดอก เป็นดอกช่อขนาดใหญ่ มีสีชมพูอ่อนถึงขาว ช่อดอกยาว 40-60 ซม. ออกที่ซอกใบใกล้ปลายยอด ใบประดับแห้งสีขาว มีดอกย่อยจำ นวนมาก บาน เกือบ พร้อมกันทั้งช่อ โคนกลีบดอกเชื่อมติดกันเป็นหลอด ปลายแยกเป็น 6 กลีบ เมื่อดอกบานเส้นผ่านศูนย์กลาง 1 ซม. กลิ่นหอมแรง ดอกบานช่วงกลางคืน ฤดูออกดอกอยู่ในช่วงกลางหรือปลายฤดูหนาว ซึ่งจะออกดอกหลังจากวันที่มี ความหนาวมากที่สุดเป็นตัวกระตุ้น เกสรเพศผู้ 6 อัน ผลสดมีเมล็ดเดียว ลักษณะแข็ง ผิวเรียบ รูปร่างกลมถึงรี ผลอ่อนสีแดงเมื่อเป็นผลแก่ จะมีสีเหลือง มี 1-3 เมล็ด

ใช้ประโยชน์ นิยมปลูกเป็นไม้ประดับตามอาคาร บ้านเรือน นอกจากนี้คนไทย เชื่อว่า หากปลูกต้นวาสนาแล้วดูแลอย่างดีจนออกดอก จะช่วยให้คนใน ครอบครัวได้รับโชคลาภ ทั้งนี้ใบยังสามารถนำ มาแก้อาการปวดท้อง และรากยังใช้บรรเทาอาการปวดในการคลอดบุตรด้วย

ราศีเมถุน (ผู้ที่เกิดวันที่ 16 มิ.ย. – 15 ก.ค.)

ฟิโลเดนดรอน เสริมสุขภาพ ความมั่นคงและความอุดมสมบูรณ์

ฟิโลเดนดรอน (Philodendron) หลายคนอาจจะเรียกสั้น ๆ ว่า ฟิโล แต่ชื่อเต็มนั้นมาจากการรวมของคำภาษากรีก 2 คำ คือ Phileo (ฟิโล) แปลว่า รัก และ Dendron (เดนดรอน) แปลว่า ต้นไม้ ทำให้มีความหมายว่า พรรณไม้ที่ชอบอยู่กับต้นไม้อื่น นั่นเอง มีต้นกำเนิดมาจากเขตป่าฝนในแถบอเมริกาใต้ เช่น บราซิล เป็นพืชในสกุล Araceae ปัจจุบันมีมากกว่า 480 สายพันธุ์ ทั้งแบบไม้เลื้อย ไม้ล้มลุก และไม้พุ่ม ลักษณะเด่นของต้นไม้สกุลฟิโล คือ ใบขนาดใหญ่และรากอากาศยาว สามารถเจริญเติบโตได้ทั้งในร่มและกลางแจ้งขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ แต่ส่วนใหญ่จะชอบแสงแดดรำไรประมาณ 50-60% และความชื้นสูง

ทั้งนี้ ฟิโลเดนดรอนบางสายพันธุ์อาจจะมีความคล้ายคลึงกับพลูด่าง ซึ่งต้องบอกว่าต้นไม้ทั้ง 2 ชนิดนี้เป็นพืชในสกุลเดียวกันคือ Araceae แต่อยู่คนละวงศ์ มีถิ่นกำเนิดต่างกัน ใบของพลูด่างจะมีขนาดใหญ่กว่า สีเขียวอ่อนค่อนไปทางเหลือง ในขณะที่ใบของฟิโลเดนดรอนจะมีขนาดเล็กกว่า สีเขียวเข้มเป็นมัน

ราศีกรกฏ (ผู้ที่เกิดวันที่ 16 ก.ค. – 15 ส.ค.)

กระบองเพชร ปัดเป่าเคราะห์ร้าย เสริมโชคลาภ

กระบองเพชร ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในไม้มงคลที่หลายคนมองข้าม และคาดไม่ถึง หากแต่แท้จริงแล้ว เจ้ากระบองเพชรต้นเล็กๆ แถมยังอึดยังทน เลี้ยงได้นานนั้น มีความเชื่อว่าหากบ้านใดมีปลูกไว้ในบ้าน จะทำให้กิจการก้าวหน้า จะได้เลื่อนหน้าที่การงานเร็ว และจะพาโชคลาภมาสู่ครอบครัว เพราะกระบองเพชรนอกจากชื่อจะเป็นมงคลยิ่งแล้ว ยังเป็นตัวแทนของความขยันความอดทน และยิ่งไปกว่านั้นถ้าหากบ้านไหนปลูกกระบองเพชรด้วยความวิริยะแล้วทำให้เกิดให้เกิดดอกออกมาได้สวยงามแล้วล่ะก็ แสดงว่าผู้นั้นกำลังจะมีโชคลาภก้อนโตมาถึง จะได้เงินได้ทองไม่ขาดมือกันเลยทีเดียว ลักษณะโดยทั่วไป ของต้นกระบองเพชร นั้นส่วนใหญ่มักจะมีขนาดเล็กจิ๋ว ที่ลำต้นมีขนาดไม่ถึง 5-10 ซม. ถึงขนาดปานกลาง ลำต้นมีความสูงประมาณ 1 – 12 ฟุต เมื่อโตเต็มที่ ลำต้นมีสีเขียวหรือเขียวคล้ำ มีขนหรือหนามรอบต้นหรือไม่มีก็ได้แล้วแต่ชนิดพันธุ์ ลักษณะต้นเป็นเหลี่ยมรูปทรงกระบอกรูปทรงกลม หรือแล้วแต่ชนิดพันธุ์ หนามคือส่วนของลำต้นที่ทำหน้าที่แทนใบ หรือบางชนิดก็มีใบแบนกลมหนาใหญ่ อาจมีดอกสีขาว สีแดง สีเหลือง ขึ้นกับชนิดพันธุ์

ราศีสิงห์ (ผู้ที่เกิดวันที่ 16 ส.ค. – 15 ก.ย.)

ไผ่กวนอิม ดึงดูดความสงบและความเฉลียวฉลาด ช่วยเปิดจิตวิญญาณ ยืดหยุ่นเป็นอิสระ

          กวนอิมมีถิ่นกำเนิดในทวีปแอฟริกา เดิมมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Dracaena Sanderiana โดยชื่อระบุชนิดมาจากชื่อของ Henry Frederick Conrad Sander เจ้าของเนิร์สเซอรี่ใหญ่ในอังกฤษ แต่ปัจจุบันเป็นชื่อพ้อง  กลม ตั้งตรง มีข้อปล้องเห็นได้ชัด ก้านใบเป็นกาบหุ้มลำต้น แตกยอดตามข้อได้ง่าย เดี่ยว เรียงเวียนสลับ ใบรูปใบหอกแกมขอบขนาน ปลายแหลม สีเขียวและด่างสีต่างกันไปตามพันธุ์ เช่น ด่างสีขาวครีมที่ขอบใบเรียก กวนอิมเงิน (‘Silver’) ด่างสีเขียวอมเหลืองที่ขอบใบ เรียก กวนอิมทอง (‘Gold’) และกวนอิมประกายแสด ออกเป็นช่อตามซอกใบใกล้ปลายยอด ดอกย่อยจำนวนมาก นิยมปลูกประดับในอาคาร เชื่อว่าปลูกแล้วเป็นมงคล เพราะชื่อหมายถึงพระโพธิสัตว์กวนอิม

ราศีกันย์ (ผู้ที่เกิดวันที่ 16 ก.ย. – 15 ต.ค.)

ว่านหางจระเข้ ส่งเสริมบารมี วาสนา ดึงดูดความมั่นคง สั่งสมเงินทอง

ไม้ล้มลุก อายุหลายปี สูงประมาณ 0.5 – 1 เมตร ลำต้นเป็นข้อปล้องสั้น เนื้ออ่อน อวบน้ำ
ใบ เป็นใบเดี่ยว ออกเรียงเวียนรอบต้น ใบหนาและรูปร่างยาว โคนใบใหญ่ ปลายใบแหลม ริมใบหยักและมีหนาม ขอบใบเป็นหนามแหลมห่างกัน แผ่นใบสีเขียวใสและมีรอยกระสีขาว ใบจะอุ้มน้ำได้ดี ภายในมีวุ้นและเมือกใสสีเขียวอ่อนๆ
ดอก ออกดอกเป็นช่อกระจายที่ปลายยอด ก้านช่อดอกยาวมากชูตั้งตรง ดอกเป็นหลอดปลายแยกสีส้มแดงอมเหลืองเล็กน้อย บานจากข้างล่างขื้นข้างบน คล้ายดอกซ่อนกลิ่นตูมๆ โคนเชื่อมติดกันเป็นหลอด ปลายแยกเป็น 6 แฉก เรียงเป็น 2 ชั้น รูปแตร
ผล เป็นผลแห้ง รูปกระสวย

ราศีตุลย์ (ผู้ที่เกิดวันที่ 16 ต.ค. – 15 พ.ย.)

ต้นออมเพชร เสริมสุขภาพแข็งแรง เสริมความมั่นคง มีแต่ความอุดมสมบูรณ์

ออมเพชร มีลักษณะเป็นไม้เนื้ออ่อนที่เจริญเติบโตได้รวดเร็ว ลำต้นและกิ่งก้านมีสีเขียวอมเทา สามารถเลื้อยไปได้เฉลี่ยได้ประมาณ 1-3 เมตร
ใบจะมีลักษณะเป็นใบเดี่ยวรูปหัวใจหรือรูปใบหอก ปลายใบเรียวแหลม โคนใบเว้า ใบสีเขียวเข้มเหมือนกำมะหยี่คาดด้วยแถบสีขาวตามแนวเส้นกลางใบเป็นลวดลายที่โดดเด่น และสวยงาม มีดอกเป็นแบบช่อเชิงลด มีกาบแทงขึ้นมาจากกาบใบ กลีบดอกรูปทรงเรียวลักษณะเป็นแท่ง เมื่อดอกเริ่มบานและเริ่มติดผลจะมีลักษณะห้อยลงด้านล่าง

ราศีพิจิก (ผู้ที่เกิดวันที่ 16 พ.ย. – 15 ธ.ค)

ว่านงาช้าง เสริมความมั่งคั่ง ปัดเป่าเคราะห์ร้าย เสริมโชคลาภ เงินทอง

ไม้พุ่ม สูงประมาณ 60 เซนติเมตร ลำต้นเป็นเหง้าอยู่ใต้ดิน เปลือกหุ้มด้านนอกสีส้ม เนื้อภายในมีสีเหลืองอ่อน ใบเดี่ยว แทงออกมาจากเหง้าและตาโผล่เหนือพื้นดินคล้ายลำต้นเทียม รูปทรงกระบอก ปลายแหลม สีเขียวตลอดทั้งใบ มีแถบสีเขียวเข้มพาดตามขวางสม่ำเสมอ ร่องตื้นพาดตามความยาวของใบ เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 3 เซนติเมตร ออกดอกเป็นช่อ จากเหง้า ยาว 40-60 เซนติเมตร มีกาบหุ้มก้านช่อดอก ดอกย่อยเรียงเวียนรอบก้านช่อดอก ดอกสีขาวอมเหลือง โคนกลีบดอกเชื่อมกันเป็นหลอดยาวประมาณ 5 เซนติเมตร ปลายแยก 5 แฉก ม้วนงอไปด้านหลัง ปลูกประดับสวน หรือไม้ดัด เป็นไม้มงคล มีสรรพคุณทางยา

ราศีธนู (ผู้ที่เกิดวันที่ 16 ธ.ค. – 15 ม.ค.)

ต้นโกสน ดึงดูดความสงบ ช่วยเปิดจิตวิญญาณ ยืดหยุ่นเป็นอิสระ

โกสนเป็นต้นไม้ชนิดไม้พุ่ม มักนิยมปลูกในกระถางเพื่อขนาดของพุ่มมีขนาดเล็ก หากปลูกลงดินและดูแลเป็นอย่างดีก็จะมีขนาดที่ใหญ่พอสมควร เป็นต้นไม้ที่มีชอบน้ำและความชื้นสูง จึงควรรดน้ำทุกวันและฉีดสเปรย์น้ำที่ใบในตอนเย็นเพียงชะลอการระเหยของน้ำและความชื้นให้เพียงพอต่อความต้องการของต้นไม้ ปลูกในกระถางดินเผาจะดีกว่าการปลูกในกระถางพลาสติก เพราะกระถางดินเผาจะเก็บความชุ่มชื่นไว้ได้นานกว่า ต้นไม้ชนิดนี้ชอบดินที่โปร่ง ร่วนซุย ถ่ายเทอากาศและน้ำได้ดี หากใช้ดินที่แน่นมากจะทำให้ดิกเก็บน้ำไว้เกินความจำเป็น อาจจะทำให้รากของต้นโกสนเน่า ใบร่วงง่าย ปุ๋ยที่ทำให้สีของใบโกสนนั้นเข้ม สีสันสดใสสวยงาม เห็นลายบนใบได้อย่างชัดเจนควรเป็นปุ๋ยที่มีฟอสโฟรัสและโปรแตสเซียมสูง หากใช้ปุ๋ยที่มีปริมาณไนโตรเจนสูงจะทำให้ใบของต้นโกสมมีสีเขียวมากขึ้น สีอื่นๆซีดลง ลวดลายบนใบจางหาย ไม่ชัดเจน

ไบโอนิค ไตโค
ไตรโคเดอร์ม่า

สรรพคุณ ไตรโคเดอร์ม่า ป้องกันโรคพืชช่วยกระตุ้นให้พืชสร้างภูมิคุ้มกัน มีความต้านทานต่อโรคพืชควบคุมและป้องกันเชื้อราสาเหตุโรคพืช เหมาะสำหรับไม้ยืนต้น ไม้ผล พืชไร่ พืชสวน เช่นยางพารา กาแฟ ปาล์มน้ำมัน ทุเรียน มะม่วง ลิ้นจี่ มังคุด มะนาว มะเขือเทศ ลองกอง พริก คะน้า ผักกาด ผักออร์แกนิก ข้าวพันธุ์ต่าง ๆ

คุณสมบัติ
1.ฉีดพ่นผสมไบโอนิค ไตโค 1 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ 1 ลิตร หรือ 1 กิโลกรัมต่อน้ำ 100 ลิตรสำหรับฉีดพ่นบริเวณลำต้นและโคนราก ควรฉีดพ่นทุก ๆ 5 วัน
2.ทารอยแผล ผสมไบโอนิค ไตโค 1-2 ช้อนชาต่อน้ำ 10 มล(1/4ของแก้ว) หรือ 1 กิโลกรัม ต่อน้ำ 10 ลิตรสำหรับทาบริเวณรอยแผลบนลำต้น ควรใช้ซ้ำทุก 5 วัน
3.คลุกเมล็ดพันธุ์ ผสมไบโอนิคไตโค 1 -2 ช้อนชา ต่อน้ำ10 มล สำหรับ 15-20 เมล็ด หรืออัตราส่วน 1 กิโลกรัม ต่อน้ำ 1 ลิตรสำหรับเมล็ดพันธุ์ 10 กิโลกรัม
4.ระบบไฮโดรโปนิกส์ ใช้ไบโอนิค ไตโค อัตราส่วน 100 กรัม ช้อนชาต่อน้ำ 100 ลิตร ควรเติมทุก 5-7 วัน

วิธีใช้
ผสมไบโอนิค ไตโคร 2.5 กรัม ต่อน้ำ 1 ลิตร สำหรับการฉีดพ่น (ควรฉีดพ่นทุกๆ 5 วัน) และผสมไบโอนิค ไตรโคร 100 กรัมต่อน้ำ 1ลิตร สำหรับการรักษารอยแผล (ควรฉีดพ่นทุกๆ 5 วัน)

ชนิด ซองขนาด 100 / 500 กรัม

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *